อ่านอัพเดทล่าสุดเกี่ยวกับพรบกาสิโนถูกกฎหมายที่นี่

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา รัฐบาลรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยเราคัดแต่เนื้อหาที่สำคัญมาดังนี้

• ต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนได้ เนื่องจากพรบไม่ได้กำหนดห้ามไม่ให้ต่างชาติมาลงทุน ดังนั้นจึงจะกำหนดตามการคัดเลือกและให้ใบอนุญาตแก่ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเป็นหลัก แต่อาจจะมีกำหนดว่าบริษัทไทยต้องถือหุ้นอยู่เท่าไหร่

• อายุใบอนุญาตที่เสนอนั้นยังมีข้อขัดแย้งว่าอาจจะเป็น 30 หรืออาจจะเป็นเพียง 10 ปีเพราะนานเกินไป แต่ก็มีผู้แย้งว่า 30 ปีนั้นสั้นเกินไป

• อาจมีการกำหนดจำนวนผู้มีใบอนุญาตในประเทศไทยและอาจกำหนดจำนวนใบอนุญาตในแต่ละพื้นที่อีกด้วย

• ค่าธรรมเนียมการเข้าเล่นของคนไทยอาจจะเปลี่ยนเหลือ 1,000 - 2,000 บาท และอาจมีการกำหนดค่าเข้าเล่นรายปี

• การเล่นพนันออนไลน์ยังคงห้ามตามพรบ ที่กำหนดห้ามไม่ให้ทำการพนันผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

นอกเหนือจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของใบอนุญาตและกฎหมายต่าง ๆ โดยเนื้อหาทั้งหมดยังต้องผ่านการพิจารณาของครม.อีกครั้งหนึ่ง โดยคาดว่าจะทันให้สภาพิจารณาในช่วงสภาผู้แทนราษฎรเปิดสมัยประชุมสามัญอีกครั้งในกลางเดือนธันวาคมถึงเมษายน แต่อย่างไรก็ตามจากการสัมภาษณ์รัฐมนตรีช่วยการคลังเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาจากสำนักข่าวแนวหน้าก็ยังไม่มีคำตอบว่าพรบดังกล่าวจะคลอดทันภายในสิ้นปีนี้หรือไม่ เพราะต้องผ่านสภา รับหลักการ และผ่านวุฒิสภาอีก ทำให้ต้องใช้เวลาพอสมควร ถึงแม้นโยบายนี้จะเป็นนโยบายเร่งด่วน แต่ก็ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ เพราะเป็นการยกร่างกฎหมายใหม่ โดยเนื้อหาฉบับเต็มสามารถอ่านได้ที่ Policy Watch จาก Thaipbs

เพิ่มรายได้ให้เศรษฐกิจประเทศไทย

ไทยรัฐรายงานว่าการตั้งเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ในประเทศไทยจะทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก ห้าถึงยี่สิบเปอร์เซนต์ และค่าใช้จ่ายต่อหัวที่นักท่องเที่ยวจะใช้จ่ายยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย และนอกจากส่วนนี้แล้ว ยังมีเรื่องของการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในช่วงของการก่อสร้างและช่วงการลงทุน และยังจะมีผลเมื่อเริ่มดำเนินกิจการอีกด้วย 

ค่าใช้จ่ายในการขอใบอนุญาตก็มีมูลค่าสูง โดยอยู่ที่ใบละ ห้าพันล้านบาท และมีค่าใบอนุญาตรายปีอีกปีละ หนึ่งพันล้านบาท ทำให้รายได้จากการลงทุนจะมีมูลค่ากว่าหนึ่งแสนล้านต่อแห่ง 

กำหนดพื้นที่คาสิโน

ข้อเสนอในพรบระบุว่าควรจะมีการกำหนดพื้นที่ไว้ให้ชัดเจนว่าส่วนใดเป็นพื้นที่การเล่นกาสิโน โดยอาจกำหนดไว้ที่ร้อยละ 5 - 20 และเปิดทำการอยู่ตลอดทั้งวัน และควรกำหนดไว้ให้ชัดเจนว่าจังหวัดหรือบริเวณใดสามารถทำเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มการกระจายรายได้ไปยังเขตภูมิภาคต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือมีศักยภาพในการใช้งานและรองรับนักท่องเที่ยว

ลุ้นยกเว้นภาษีนิติบุคคล

ประชาชาติระบุว่าในข้อเสนอนั้นมีรายละเอียดเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ซึ่งระบุไว้ว่าไม่ควรมีการจัดเก็บภาษีเงินได้จากผู้เล่นที่เป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ และควรมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ผู้ประกอบการอีกด้วย เช่น ยกเลิกภาษีนิติบุคคลให้แก่ผู้ได้รับใบอนุญาต เป็นเวลาสิบปี แต่ยังคงต้องเสียภาษีของเงินได้สุทธิจากคาสิโน 

และมองว่าค่าเข้าเล่นของชาวไทยที่ระบุไว้ห้าพันบาทนั้นสูงเกินไป ควรลดลงมาเหลือเพียง 1,000 - 2,000 บาทเท่านั้น แต่อาจจะมีการพิจารณาำหนดค่าธรรมเนียมรายปีประมาณ 20,000 - 40,000 บาทไว้ด้วย และอาจจะดำเนินการคล้ายประเทศสิงคโปร์ที่ไม่มีการเพิ่มค่าธรรมเนียมของผู้เล่นชาวไทยในระยะแรก ๆ 

หาทางป้องกันนอมินีต่างชาติ

ยังมีข้อเสนอที่เน้นย้ำเรื่องของการถือหุ้นในกิจการบริษัทต่าง ๆ ที่ต้องการเข้ามาลงทุนในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยระบุว่าควรกำหนดสัดส่วนผู้ถือหุ้นไทยอย่างน้อยร้อยละ 30-51 และควรเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดรือบริษัทมหาชนจำกัดที่จดทะเบียนในไทยด้วย รวมถึงมีการตรวจสอบเพื่อป้องกันทุนต่างชาติที่เข้ามาสวมรอยอีกด้วย แต่ไม่ได้แปลว่าพรบนี้จะกำหนดไม่ให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนแต่อย่างใด แต่เพียงแค่ควรมีข้อกำหนดเพิ่มเติมเพื่อให้ชาวไทยได้ประโยชน์มากขึ้น

สรุป 

เรามองว่านี่คือโอกาสสำหรับประเทศไทยที่จะได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น เพราะเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ได้มีเพียงแต่คาสิโนเท่านั้น ยังเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่ให้ผู้คนได้ใช้งาน นอกจากนี้แล้วยังเปิดโอกาสให้เศรษฐกิจไทยได้เติบโตยิ่งขึ้นและเก็บภาษีได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากผู้ประกอบการ และการลงทุนโปรเจ็คขนาดยักษ์เช่นนี้ในไทยย่อมทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมากในหัวเมืองต่าง ๆ เราได้แต่หวังว่ารัฐบาลจะได้พรบที่มีความชัดเจน ครอบคลุม และสร้างความปลอดภัยและความเจริญให้แก่ประเทศและประชาชนไทย แน่นอนว่าเราจะมาอัพเดทเกี่ยวกับพรบนี้อยู่เรื่อย ๆ อย่าลืมติดตามความคืบหน้าได้ที่หน้าเว็บไซต์ของเรา